“สหฟาร์ม” เดินเกมรุก มุ่งตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“สหฟาร์ม” ผู้ผลิตและส่งออกไก่แช่แข็งรายใหญ่ของไทย เดินเกมรุกอีกครั้งด้วยการเข้าร่วมงาน Thaifex Anuga Asia 2024 พร้อมพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เน้นความสะดวกสบาย และเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ของสายรักสุขภาพ ไปจนถึงกลุ่มเด็กแพ้อาหาร

ดร.จารุวรรณ โชติเทวัญ ประธานสายการตลาดต่างประเทศ บัญชี การเงิน และเลขานุการประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด (SAHA FARMS) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการกลับมาร่วมงาน Thaifex Anuga Asia 2024 ในปีนี้ เพื่อต้องการให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักสหฟาร์มมากขึ้น ในฐานะบริษัทที่มีศักยภาพและมาตรฐานระดับโลกในการผลิตสินค้าทั้งไก่สดและไก่แปรรูปเพื่อการส่งออก โดยสหฟาร์ม ยังประกาศเดินหน้าแผนพัฒนาต่อยอดพร้อมการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมดในทุกมิติ ทั้งด้านนโยบาย สินค้า และบุคลากรเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เป็นการนำประสบการณ์ 55 ปีที่ผ่านมาในการทำธุรกิจมาต่อยอดพัฒนาสินค้า คุณภาพ รสชาติ และรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น โดยปีที่ผ่านมาสหฟาร์มสามารถสร้างยอดขายได้ถึงกว่า 170,000 ตัน สูงกว่าหลายหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ขึ้นแท่นเป็นบริษัทผู้ส่งออกไก่แช่แข็งอันดับ 1 ของประเทศไทยในปี 2566

“การร่วมงานในครั้งนี้ ได้เปิดตัวและแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่แพ้อาหารอย่างแป้งสาลี นม ถั่ว ไข่ ปลา และอาหารทะเลเปลือกแข็ง ภายใต้แบรนด์ “โชริโชริ” ฟาร์มไก่อารมณ์ดี ยูริกต่ำ และยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่รักสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “พอลดีย์” รวมถึงอาหารปรุงสำเร็จสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เน้นความสะดวกสบาย ภายใต้แบรนด์ “สหฟาร์มอินเตอร์” และน้องใหม่ “ปลาดุกอนามัย” เลี้ยงโดยวิธีการธรรมชาติ ที่ต้องการยกระดับปลาดุกไทยและขยายโอกาสสู่ตลาดโลก ด้วยเนื้อสัมผัสนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไม่มีกลิ่นคาว ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการบอกว่า เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอาหารที่มีคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก”

สำหรับแบรนด์ โชริ โชริ เป็นผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปสำหรับเด็กแพ้อาหาร (Processed Chicken For Child with Food Allergies) สหฟาร์มได้ให้ความสำคัญกับข้อจำกัดสำหรับเด็กที่แพ้อาหาร จึงพัฒนาและคิดค้นไก่ปรุงสุก ทั้งปีกกลางไก่อบซอส และปีกบนไก่อบซอสเพื่อเป็นทางเลือกให้สำหรับเด็กที่แพ้อาหาร ปราศจากสารก่อภูมิแพ้หลักในอาหาร 8 ชนิด อาทิ นม ไข่ ปลา อาหารทะเลเปลือกแข็ง ถั่วต่างๆ และแป้งสาลี รวมถึงไม่มีสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ต่างๆ ทำให้โชริโชริ เป็นทางเลือกที่ดีและถูกปากสำหรับเด็กๆ

อีกหนึ่งไฮไลท์ในงานคือแบรนด์ พอลดีย์ ทางเลือกของคนรักสุขภาพ เจาะตลาดระดับพรีเมียม

ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ยินดีจ่ายเพื่อสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ โดยเป็นผลิตภัณฑ์จากไก่อารมณ์ดีที่มีระบบการเลี้ยงด้วยระบบคอมพาร์ทเมนต์ขนาดใหญ่ ควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ Evaporative System ทำให้ไก่รู้สึกเย็นสบาย พื้นที่กว้างทำให้ประชากรไก่ไม่แออัด ใช้ชีวิตแบบเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ไก่ได้ใช้สัญชาตญาณอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเลี้ยงด้วยธัญพืชคุณภาพสูง และพัฒนาอาหารไก่ให้มีประโยชน์ต่อไก่มากที่สุดบนพื้นฐาน Feed on Plant-Based Proteins ที่ได้มาตรฐาน UFAS มีสัตวบาลคอยดูแล เปิดเพลงคลาสสิคให้ไก่ฟังเพื่อให้ไก่ผ่อนคลายจึงเป็นที่มาของไก่อารมณ์ดี มีมาตรฐานการรับรองจาก Farm First / Biosecurity Animal Welfare ไม่ใช้ฮอร์โมนหรือสารเร่งโตจึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่รักสุขภาพ

สหฟาร์ม ยังมีแผนยกระดับ ปลาดุกไทย เพื่อขยายโอกาสสู่ตลาดโลก เพราะมองว่าเป็นปลาเศรษฐกิจที่คนนิยมบริโภค สหฟาร์มจึงพัฒนาปลาดุกที่เป็นสายพันธุ์ของสหฟาร์มเองให้มีรสชาติดี เนื้อสัมผัสแน่น ชุ่มฉ่ำ ไม่มีกลิ่นคาว หนังหนา มีไขมันแทรกในเนื้อ ด้วยกรรมวิธีการเลี้ยงในบ่อดินแบบธรรมชาติมีการถ่ายน้ำออกจากบ่อทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้น้ำสะอาดและมีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอ ขนาดของบ่อเลี้ยงปลา 1 ไร่ จะจำกัดปริมาณปลาเลี้ยงในปริมาณพอเหมาะ ไม่เกิน 20,000 ตัวต่อบ่อ เพื่อลดความแออัด และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ทำให้ได้ปลาดุกที่มีคุณภาพ แข็งแรง จนได้รับมาตรฐาน GAP จากกรมประมง (มาตรฐาน GAP คือใบรับรองการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี สำหรับการผลิตสัตว์น้ำ)

รวมถึงกระบวนการจัดการแบบพิเศษ เพื่อให้ปลาขับของเสีย ลดกลิ่นโคลน ลดกลิ่นคาว ทำให้สหฟาร์มได้ปลาดุกอนามัย ที่อร่อย เนื้อมีกลิ่นหอมเวลาย่าง ไม่มีกลิ่นสาบ กลิ่นโคลน และมีขนาดปลาให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ตัวละ 1.5-2 กิโลกรัม ทั้งในรูปแบบหั่นชิ้น เหมาะเอาไว้สำหรับปรุงอาหาร ประเภท แกง ผัด และแบบแล่เนื้อ ไม่มีก้าง ชิ้นใหญ่ เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่น

ปัจจุบัน สหฟาร์ม เป็นฟาร์มไก่เนื้อครบวงจรที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ด้วยพื้นที่กว่า 40,000 ไร่ มีระบบการจัดการแบบต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีฟาร์มปู่ย่าพันธุ์ พ่อแม่พันธุ์ เป็นของตัวเอง เพื่อการดูแลและควบคุมสายพันธุ์ให้ดีที่สุดเพื่อผู้บริโภคทั่วไปและผู้บริโภคชาวมุสลิม มีระบบคอมพาร์ทเม้นขนาดใหญ่ ควบคุมอุณหภูมิ แบบ Evaporative Cooling System ทำให้ได้รับมาตรฐาน Animal Welfare จากองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ OIE โดยสหฟาร์มสามารถผลิตไก่ได้กว่า 700,000 ตัว/วัน มีโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ที่มีกำลังการผลิตไก่เนื้อเพื่อการส่งออกมากกว่า 170,000 ตัน/ปี ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย และมีผู้เชี่ยวชาญการตัดแต่งชิ้นส่วนไก่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าลูกค้าจะอยากได้ชิ้นส่วนแบบไหน หรือต้องการความพิเศษแบบใด สหฟาร์มสามารถดูแลและจัดการให้ได้

นอกจากนี้ ยังมีไก่ปรุงสุกที่ผ่านกระบวนการจากโรงงานอาหารสำเร็จรูปที่สามารถผลิตได้กว่า 5,000 ตัน/เดือน ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยได้มาตรฐานทั้ง GMP/ HACCP/ Halal มีแล็บที่ได้มาตรฐานสำหรับตรวจสอบและควบคุมคุณภาพสินค้าด้วยตัวเอง และด้วยโรงงานขนาดใหญ่จึงสามารถผลิตได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันตามความต้องการของลูกค้า มี OEM ตามความต้องการของลูกค้า เพื่อการผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของลูกค้าอีกด้วย

“ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยด้านความต้องการทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น สำหรับปีนี้สหฟาร์มคาดว่ายอดการส่งออกจะเติบโตเพิ่มขึ้น  10% ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักของสหฟาร์มเกือบ 100% เป็นลูกค้ากลุ่ม B2B จากต่างประเทศ ขณะที่ตลาดในประเทศก็มีความสำคัญมากแม้ว่าจะมีรายใหญ่ที่ค่อนข้างแข็งแรงครองตลาดอยู่ ดังนั้นการจะกลับมาขยายตลาดในประเทศจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และยังเป็นแนวทางการดำเนินงานในอนาคตที่ต้องปรึกษากับบอร์ดผู้บริหารท่านอื่นๆ ด้วย” ดร.จารุวรรณ กล่าว